เปิดตัว iPhone XR จอ LCD 6.1 นิ้ว มี 6 สี สเปกเท่า iPhone Xs

เปิดตัว iPhone XR จอ LCD 6.1 นิ้ว มี 6 สี สเปกเท่า iPhone Xs

แอปเปิลเปิดตัว iPhone XR มีหน้าจอ 6.1 นิ้ว Liquid Retina Display ซีพียู A12 Bionic บอดี้เป็นอะลูมิเนียม ตัวเครื่องมี 6 สี กล้องหลังเดี่ยวถ่าย Portrait ได้

          เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2561 นอกจากแอปเปิลจะเปิดตัว iPhone Xs และ iPhone Xs Max แล้ว ภายในงานแอปเปิลยังเปิดตัว iPhone XR (ไอโฟนเท็น อาร์) เพิ่มมาอีกรุ่น ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ ก็ตรงตามข่าวลือที่หลุดออกมาเกือบทุกประการ โดยรุ่นนี้จะเรียกว่าเป็นรุ่นที่มีราคาถูกที่สุดเลยก็ว่าได้ มาพร้อมหน้าจอ 6.1 นิ้ว หน้าจอแบบ LCD (326ppi) แอปเปิลเรียกหน้าจอนี้ว่า Liquid Retina HD เคลมว่าเป็นหน้าจอ LCD ที่ดีที่สุด ใช้ซีพียู A12 Bionic ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร พร้อม Neural Engine รุ่นที่ 2, กล้องหลังตัวเดียว 12 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพบุคคล (Portrait)โดยใช้กล้องเลนส์เดี่ยว, ตัวเครื่องใช้วัสดุกรอบอะลูมิเนียม ด้านหลังเป็นกระจก มีให้เลือกถึง 6 สี, มี Face ID, กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 และแบตเตอรี่ที่เคลมว่าใช้งานได้นานกว่า iPhone 8 Plus ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง

สเปกเบื้องต้นของ iPhone XR

          - หน้าจอ 6.1 นิ้ว LCD Liquid Retina HD ความละเอียด 1,792 x 828 พิกเซล
          - ซีพียู A12 Bionic 64-bit 6 คอร์ ผลิตที่เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร, จีพียู 4 คอร์, M12 motion co-processor
          - หน่วยความจำ 64GB, 128GB, 256GB
          - รัน iOS 12
          - กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67
          - รองรับ 2 ซิม (nano + eSIM และ physical SIM สำหรับประเทศจีน)
          - กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง wide-angle (f/1.8), มีกันสั่น, True Tone flash, ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60 fps, Slo‑mo 1080p ที่ 240 fps
          - กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล, f/2.2, ถ่ายวิดีโอ 1080p, Retina Flash, รองรับ Animoji และ Memoji
          - กล้อง TrueDepth รองรับ Face ID, ลำโพงสเตอริโอ
          - ขนาดตัวเครื่อง 150.9 × 75.7 × 8.3 มม., น้ำหนัก 194 กรัม
          - ตัวเครื่องมีให้เลือก 6 สี ได้แก่  สีขาว, สีดำ, สีฟ้า, สีเหลือง, สีส้มคอรัล และสีแดงที่เป็นรุ่น (PRODUCT)RED
          - รองรับ 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac with MIMO, Bluetooth 5.0, NFC with reader mode, GPS with GLONASS
          - รองรับ Qi wireless charging, fast charging

ราคา iPhone XR

          - ความจุ 64GB ราคา $749 หรือประมาณ 24,490 บาท
          - ความจุ 128GB ราคา $799 หรือประมาณ 26,000 บาท
          - ความจุ 256GB ราคา $899 หรือประมาณ 29,390 บาท

          ทั้งนี้ iPhone XR จะเริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าวันที่ 19 ตุลาคม และจะวางจำหน่ายตั้งแต่วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป กว่า 50 ประเทศ (ยังไม่วางจำหน่ายในประเทศไทย)

ความรู้สึก: iphone มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้คนเราเกิดความต้องการมากขึ้น

ที่มา :https://mobile.kapook.com/view5634.html#cxrecs_s

วิธีเลือกขนาดทีวี/จอคอม ซื้อจอกี่นิ้วจะเหมาะที่สุด ?

วิธีเลือกขนาดทีวี/จอคอม ซื้อจอกี่นิ้วจะเหมาะที่สุด ?

วิธีเลือกขนาดทีวีและหน้าจอคอมพิวเตอร์ เลือกซื้อจอกี่นิ้วจะเหมาะที่สุด จอยิ่งใหญ่ยิ่งดีจริงหรือ ?

          หนึ่งในสิ่งที่คนเลือกซื้อทีวีหรือจอคอมพิวเตอร์มักจะลังเลก็คือ ไม่แน่ใจว่าควรซื้อหน้าจอขนาดใหญ่กี่นิ้วดี ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่ายิ่งซื้อจอใหญ่ ๆ ก็ยิ่งดี แต่ในความจริงแล้วการเลือกซื้อหน้าจอใหญ่ ๆ อาจไม่ดีเสมอไป เพราะการเลือกขนาดหน้าจอที่เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ได้ดีกว่า โดยนอกจากเรื่องงบและพื้นที่ใช้สอยแล้ว ปัจจัยหลัก ๆ ที่ใช้ในการเลือกขนาดทีวีหรือจอคอมพิวเตอร์จะมีอยู่ 2 ปัจจัยก็คือ ระยะห่างจากหน้าจอและความละเอียดของหน้า ซึ่งการเลือกขนาดทีวีกับจอคอมพิวเตอร์จะมีวิธีการเลือกที่ต่างกันเล็กน้อย

วิธีเลือกขนาดจอทีวี

          การเลือกขนาดจอทีวีนั้น นอกจากขนาดพื้นที่ในห้องแล้ว ก็ให้พิจารณาจากระยะห่างระหว่างจอทีวีกับที่นั่งชม โดยขนาดทีวีที่เหมาะสมกับระยะห่างที่นั่งชมในระยะต่าง ๆ มีดังนี้

          - ทีวี 26-32 นิ้ว - ประมาณ 1 เมตร
          - ทีวี 40-43 นิ้ว - ประมาณ 1.5 เมตร
          - ทีวี 50-60 นิ้ว - ประมาณ 2 เมตร
          - ทีวี 65-75 นิ้ว - ประมาณ 2.5 เมตร

          - ทีวี 80 นิ้วขึ้นไป - ประมาณ 3 เมตรขึ้นไป

          การเลือกซื้อทีวีที่ใหญ่เกินไปอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตาขณะรับชม เนื่องจากสายตาไม่สามารถมองเห็นทั้งจอได้เต็มที่ ทำให้ต้องมีการกวาดสายตามากกว่าปกติ หรือถ้าซื้อทีวีจอเล็กเกินไปก็จะทำให้ได้อรรถรสในการรับชมไม่ดีนัก

          นอกจากระยะห่างแล้ว ความละเอียดของจอทีวีก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากทีวีที่มีขนาดจอใหญ่ ๆ แต่ความละเอียดน้อยเกินไป อาจทำให้รู้สึกว่าภาพไม่ค่อยคมชัดหรือมองเห็นเม็ดพิกเซลได้ถ้าหากนั่งใกล้ ๆ โดยทีวีที่มีขนาด 40 นิ้วขึ้นไปควรมีความละเอียดอย่างน้อย Full HD (1080p) และสำหรับทีวีที่มีขนาด 50 นิ้วขึ้นไปควรมีความละเอียดระดับ 4K แต่ในกรณีนั่งดูห่างจากหน้าจอมากกว่าปกติก็อาจมองไม่ความแตกต่างแม้มีความละเอียดต่ำกว่านั้น เช่น ทีวีจอใหญ่ 50 นิ้ว Full HD แต่นั่งห่างจากจอถึง 3 เมตร ก็อาจไม่มีความรู้สึกว่าภาพไม่คมชัด

วิธีเลือกขนาดจอคอมพิวเตอร์

          ในการเลือกขนาดจอคอมพิวเตอร์นั้นจะแตกต่างจากการเลือกขนาดจอทีวีนิดหน่อย เนื่องจากจอคอมพิวเตอร์จะพิจารณาจากความละเอียดหน้าจอและลักษณะการใช้เป็นหลักมากกว่า เพราะว่าขนาดของจอคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะไม่หลากหลายเหมือนทีวี และคนใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ก็มักจะนั่งใกล้ ๆ จอมากกว่าเวลาดูทีวี และนั่นก็เป็นเหตุผลที่จอคอมพิวเตอร์มักมีความละเอียดมากกว่าจอทีวีในขนาดที่เท่ากัน

ความรู้สึก : เราควรเลือกทีวีให้เหมาะสมกับเรา ตามความจำเป็น ตามกำลังในการซื้อ ไม่ควรซื้อในสื่งที่เกินตัว

ที่มา:https://men.kapook.com/view199244.html

Qualcomm เปิดตัวชิป Snapdragon Wear 3100 สำหรับสมาร์ทว็อทช์ : ประหยัดแบตยิ่งขึ้น

Qualcomm เปิดตัวชิป Snapdragon Wear 3100

 สำหรับสมาร์ทว็อทช์ : ประหยัดแบตยิ่งขึ้น

เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2018 ที่ผ่านมา Qualcomm ได้เปิดเตัวชิปเซ็ต Snapdragon Wear 3100 สำหรับสมาร์ทว็อทช์และอุปกรณ์แวร์เอเบิล ซึ่งได้รับการพัฒนาในด้านการใช้พลังงานแบตเตอรี ด้วยสถาปัตยกรรมระบบ Ultra-Low Power แบบใหม่ โดยจะมาแทนชิปเซ็ต Snapdragon Wear 2100 ที่เปิดตัวไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2016

ความรู้สึก : มีการพัฒนานาฬิกาให้มีแบตเตอรี่ที่ยาวนานมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้มีเวลาการใช้งานมากขึ้น

ที่มา:https://www.beartai.com/news/itnews/277165

Beats ออกหูฟังสีใหม่ จับคู่กับสีของ iPhone XS และ XR ใหม่

ไม่ชอบหูฟัง iPhone ไม่ปลื้ม AirPods หันมาทางนี้ กับหูฟัง Beats สีใหม่ทั้ง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น urBeats3 และ Solo 3 Wireless ที่ออกสีใหม่มาให้เข้าคู่กับ iPhone XR และ XS ได้เป็นอย่างดี

โดย urBeats3 เป็นหูฟังแบบอินเอียร์ที่มาพร้อมกับ 3 สีใหม่ ได้แก่ Yellow (สีเหลือง), Blue (สีฟ้า) และ Coral (สีส้มคอรัล) ที่เหมือนกับ 3 สีใหม่ของ iPhone XR เป๊ะๆ และใช้หัวแจ๊คแบบ Lightning ที่สามารถใช้งานกับ iPhone ที่ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm ได้โดยตรง โดยราคาค่าตัวของ urBeats3 อยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,000 บาท) ที่ดูราคาอาจจะสูงไปซักหน่อย แต่ก็แลกมาด้วยพอร์ต Lightning ที่สามารถใช้งานกับ iPhone เครื่องโปรดได้ทันที 

ส่วนหูฟังไร้สายแบบครอบหูอย่าง Solo 3 Wireless มาพร้อมกับชื่อสีใหม่ทั้ง Satin gold (ทอง) และ Satin silver (เงิน) ที่เข้าคู่กับ iPhone XS สีทองและสีเงิน ซึ่งธีมสีคล้ายกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Matte gold และ Matte silver ก็ไม่รู้คำว่า Satin กับ Matte จะทำให้สีต่างกันแค่ไหน โดยคาดว่า ราคาจำหน่ายของ Solo 3 จะอยู่ที่ประมาณ 300 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9,800 บาทไทย)

ความรู้สึก : ผู้สร้างผู้งานออกแบบผลงานเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ทำให้ผู้มีความต้องการมาก

ที่มา:https://news.thaiware.com/14531.html

Microsoft ปรับดีไซน์แอพฯ Outlook บน Windows และหน้าเว็บให้เป็นแบบใหม่แล้ว

เมื่อช่วงปีที่ผ่านมาทาง Microsoft ได้ปรับดีไซน์ใหม่ให้กับแอพฯ Outlook บนมือถือ และแท็บเล็ตไปก่อนแล้ว และในตอนนี้ก็ถึงเวลาของ Outlook สำหรับแอพฯ บนระบบปฏิบัติการ Windows และบนเว็บไซต์กันแล้วที่จะได้สัมผัสกับดีไซน์ใหม่กันเสียที และสำหรับคนที่ไม่ชอบก็ยังสามารถที่จะสลับระหว่างดีไซน์ใหม่ กับแบบดีไซน์คลาสสิกได้
ทาง Microsoft ให้ความสำคัญกับการปรับแต่งดีไซน์ของ Outlook มากจึงกำหนดให้การดีไซน์ใหม่นี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจของผู้ใช้งาน เพราะอาจจะมีผู้ใช้งานบางคนที่ชอบดีไซน์ในแบบเรียบๆ ของเวอร์ชั่นคลาสสิกนั่นเอง
ในดีไซน์ใหม่จะมีการเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ เข้ามาหลายอย่าง คุณสามารถที่จะเพิ่มรายการต่างๆ ลงใน Outlook ได้ และแผงควบคุมทางด้านซ้ายก็จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับบัญชีต่างๆ ได้โดยสะดวก รวมทั้งสามารถสลับไปมาระหว่าง Inbox, Calendar และ Address Book ได้อีกด้วย
ตอนนี้แอพฯ Outlook ดีไซน์ใหม่ยังไม่สามารถใช้งานกับ Mac ได้ แต่สำหรับผู้ใช้ Outlook บนเว็บไซต์ล่ะก็คุณสามารถที่จะเข้าไปเรียกใช้ดีไซน์ใหม่นี้ได้ตลอดเวลาเลย

ความรู้สึก: Microsoft ได้ปรับแต่งให้งานต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับผู้ใช้

Facebook กำลังเริ่มใช้ AI ในการกรองหา Meme ที่ไม่เหมาะสมบนโซเชียล

Facebook แพลตฟอร์มขนาดมหึมาที่มีเนื้อหาต่างๆ หลั่งไหลเข้ามาในแต่ละวันมากมายจนผู้ดูแลในเรื่องของเนื้อหาของทาง Facebook นั้นไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง ดังนั้นจึงเป็นเวลาของ AI แล้วที่จะเข้ามาช่วยเหลือ Facebook ในเรื่องนี้

ทาง Facebook ได้สร้าง AI ที่มีชื่อว่า Rosetta ขึ้นมา ซึ่งจะใช้ Machine Learning ในการเรียนรู้ข้อความบนรูปภาพหรือวีดีโอ และทำการถอดรหัสออกมาเป็นข้อมูลที่ตัวระบบสามารถอ่านได้ เพื่อนำไปใช้งานในขั้นตอนต่อไป

แม้ว่าเครื่องมือนี้จะไม่ได้มีความแปลกใหม่มากนักแต่มันคือความท้าทายเป็นอย่างมาก เมื่อนำมาใช้บน Facebook เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่มีความหลากหลายของทั้งภาพ ข้อความ วีดีโอ เป็นอย่างมากนั่นเอง โดยขีดความสามารถของ Rosetta ในการตรวจสอบข้อความและเนื้อหาต่างๆ ขณะนี้อยู่ที่ 1,000 ล้านภาพและ Video Frames ต่อวันในทั้ง Facebook และ Instagram

ซึ่งในตอนนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนออกมาว่าทาง Facebook นั้นจัดการกับข้อมูลต่างๆ อย่างไรบ้างแต่อย่างไรก็ตามมันก็มีประโยชน์กับฟีเจอร์พื้นฐานต่างๆ อย่างเช่น การค้นหาภาพหรือการอ่านหน้าจออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่ดูเหมือนว่า นี่ยังไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของทาง Facebook เพราะดูแล้วมันน่าจะเป็นแค่การเริ่มต้นไปสู่จุดหมายที่ใหญ่กว่าเดิม อย่างเช่น การวิเคราะห์และจัดการสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ ลงฟีดข่าวของคุณ และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ การหาให้เจอว่า มีม (Meme) ไหนเป็นมีมที่ไม่เหมาะสมทั้งภาพและข้อความต่างๆ ที่อาจนำไปสู่ประเด็นที่ล่อแหลม ซึ่งดูเหมือนว่าในตอนนี้จะมี Rosetta นี่แหละที่เข้ามาเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุด

โดยทาง Facebook ได้แจ้งเอาไว้ว่า กำลังใช้ Rosetta ให้เรียนรู้และตรวจสอบเนื้อหาต่างๆ เพื่อที่จะสามารถระบุออกมาได้ว่าเนื้อหาใดที่ละเมิดนโยบาย Hate-Speech ของทาง Facebook ได้แบบอัตโนมัติและสามารถใช้งานได้หลากหลายภาษาอีกด้วย

ซึ่งสำหรับ Facebook เองในช่วงที่ผ่านมาก็ต้องเผชิญกับปัญหาของการกลั่นกรองเนื้อที่ไม่เหมาะสมมาอยู่พอสมควรทำให้ถ้ามีระบบที่ดีเข้ามาช่วยแก้ไขในส่วนนี้ได้ทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

ความรู้สึก : Facebook มีการรองรับและกรองระบบมากขึ้น ทำให้มีความปลอดภัยในการใช้งาน

ที่มา : https://news.thaiware.com/14535.html

Spotify เพิ่มลิมิตให้กับการดาวน์โหลดแบบ Offine สูงถึง 10,000 เพลงต่อหนึ่งอุปกรณ์แล้ว

ในตอนนี้ทาง Spotify กำลังจะทำให้การฟังเพลงของคุณไร้ข้อจำกัดมากกว่าเดิมด้วยการปรับการดาวน์โหลดเพลงไว้ฟังแบบ Offline ให้โหลดได้มากขึ้นจากเดิมที่โหลดได้เพียง 3,333 เพลงและในแต่ละบัญชีจะโหลดได้สูงสุด 3 อุปกรณ์เท่านั้น แต่! ในตอนนี้ทาง Spotify เพิ่มให้คุณสามารถดาวน์โหลดเพลงไว้ฟังแบบ Offline กันได้ถึง 10,000 เพลงแล้วแถมยังโหลดไปเก็บไว้ได้สูงสุดถึง 5 อุปกรณ์อีกด้วย

ถ้าจะให้สรุปก็คือบัญชี Spotify ของคุณหนึ่งบัญชีจะมีเพลงที่คุณโหลดเก็บไว้ฟังได้ถึง 50,000 เพลงนั่นเอง

โดยทางโฆษกของ Spotify ได้กล่าวกับสื่อ Rolling Stone เอาไว้ว่า การปรับปรุงสิ่งต่างๆ เพื่อประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าเป็นสิ่งที่ทางบริษัทตระหนักถึงอยู่เสมอ

แต่แน่นอนว่าแม้การเพิ่มจำนวนการดาวน์โหลดเข้ามาจะเป็นเรื่องที่ฟังแล้วน่าสนใจ แต่มันก็ยังมีข้อจำกัด เพราะถึงแม้เราจะมีเพลง Offline รวม 50,000 เพลงเก็บไว้ในอุปกรณ์ทั้ง 5 ชิ้น แต่ Library ยังมีขนาดเท่าเดิม ทำให้การเข้าถึงเพลง Offline ทั้งหมดยังไม่สะดวกนัก ถ้ามีการขยายขนาด Library

ที่มา:https://news.thaiware.com/14542.html

ความรู้สึก : Spotify มีการพัฒนา ทำให้ผู้ใช้งานผู้ใช้งานมากขึ้น